ชะเอมเทศ (Licorice)
ชื่อวงศ์ Fabaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์ Glycyrrhiza glabra L.
ชะเอมเทศเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศแถบเมดิเตอร์ริเนียน
ตอนกลางและตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชีย
ซึ่งจะมีปลูกในประเทศ อิตาลี, รัฐเซีย, ฝรั่งเศษ, อังกฤษ, อเมริกา,
เยอรมัน, จีน และทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย(1)
รากของชะเอมเทศจัดเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการนำไปใช้ในการป้องกัน
หรือรักษาโรค
โดยรากของมันจะมีรสหวานชุ่มคอจึงนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในยาแก้ไอ ขับเสมหะ
แก้น้ำลายเหนียว แก้คอแห้ง นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณพื้นบ้านอื่นๆซึ่งได้แก่ ขับลม
บำรุงร่างกาย แก้คัน ขับเลือดเน่า ช่วยให้ผ่อนคลาย จิตใจสดชื่น(2)
ที่มาภาพ Vibha, et al. (2009) |
องค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญที่พบในรากชะเอมเทศ(1,3, 4)
สารกลุ่มไตรเตอร์ปีนซาโปนินที่ชื่อว่า กลีซีร์ริซิน
(Glycyrrhizin) ซึ่งเป็นซาโปนินที่มีรสหวานกว่าน้ำตาล
60 เท่า
เมื่อเราได้รับไกลซีไรซินเข้าไปทางปาก กรดกลีซีร์ริซิก (Glycyrrhizic
acid) จะถูกแบคทีเรียในลำไส้เล็กจะทำให้แตกตัวกลายเป็นกรดไกลซีรีติก
(Glycyrrhetic acid) ส่วนไตรเตอร์ปีนอื่นๆที่พบได้แก่ liquiritic
acid, glycyrretol, glabrolide, isoglaborlide และ licorice acid
ฟลาโวนอยด์ ได้แก่ liquiritin,
rhamnoliquiritin, neoliquiritin, liquiritigenin, chalcones
isoliquiritin, isoliquiritigenin, neoisoliquiritin, licuraside,
glabrolide, licochalcone A และ
licoflavonol เป็นต้น
ไอโซฟลาโวน ได้แก่ glabridin,
galbrene, glabrone, shinpterocarpin, licoisoflavones A และ
B, formononetin, glyzarin, kumatakenin และ kanzonol
R เป็นต้น
สารประกอบที่ระเหยได้ ได้แก่ pentanol,
hexanol, linalool oxide A และ B, tetramethyl pyrazine,
terpinen-4-ol, α-terpineol และ geraniol เป็นต้น
คุณสมบัติที่สำคัญในการป้องกัน และรักษาโรค(1,3,4, 5)
ต้านไวรัส
คุณสมบัติการต้านไวรัสถือเป็นคุณสมบัติเด่นของสารสกัดจากรากชะเอมเทศ
จากรายงานที่ผ่านมาพบว่าสารสกัดจากรากชะเอมสามารถต้านไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคได้หลายชนิด
เช่น HIV-1, ไวรัสไข้สมองอักเสบ (Japanese encephalitis), ไวรัสไข้เหลือง,
ไวรัสซาร์ (SARS), ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus), ไวรัสตับอักเสบ, ไวรัสวัคซีเนีย (vaccinia virus)ที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ, ไวรัสโรคเริม (HSV-1),
ไวรัสโรคงูสวัด (herpes zoster virus) และ ไวรัสโรคปากอักเสบผุผอง
(vesicular stomatitis virus) เป็นต้น
ต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค
สารสกัดจากรากชะเอมสามารถยั้บยั้งการเจริญของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคได้หลายสายพันธุ์ทั้งแกรมบวก
และแกรมลบ เช่น Salmonella typhi(โรคไข้ไทฟอยด์),
enterotoxigenic
E. coli (ETEC E. coli) (อาหารเป็นพิษ), Staphylococcus
aureus (อาหารเป็นพิษ) และ Streptococcus pyogenes (โรคไข้รูมาติก) เป็นต้น
กลไกในการต้านไวรัสของสารสกัดจากรากชะเอมเทศนั้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
แต่สันนิฐานว่าน่าจะมาจากการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการจัดการไวรัสต่างๆได้ดีขึ้น
ต้านเชื้อยีสต์ และรา
Glabridin ฟลาโวนอยด์ที่พบในรากชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของเชื้อยีสต์และราเช่น
เชื้อราแคนดิดา (Candida albicans) และยังสามารถยั้บยั้งเชื้อราแคนดิดาสายพันธุ์ที่ดื้อยาได้อีกด้วย
ต้านโปรโตซัว
Licochalcone A ฟลาโวนอยด์ที่พบในรากชะเอมเทศสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อไข้มาเลเรีย
(Plasmodium falciparum) ได้
ต้านออกซิเดชั่น และอนุมูลอิสระ
สารสกัดจากรากชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการเข้าจับกับอนุมูลไนตริกออกไซด์,
ซุปเปอร์ออกไซด์, ไฮดรอกซิลได้ และเหล็กอิสระได้
จึงสามารถยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นภายในร่างกาย เช่น
การออกซิเดชั่นของไขมันในเซลล์หรือเนื้อเยื้อต่างๆ
ซึ่งความสามารถในการต้านออกซิเดชั่นนี้จึงส่งผลให้สารสกัดจากรากชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการต้านอักเสบได้อีกด้วย
ต้านอักเสบ
เมตาบอไลท์ของกลีซีร์ริซิน (glycyrrhizin) ซึ่งก็คือ กรดเบต้ากลีซิร์ริตินิก (β
glycyrrhitinic acid) มีคุณสมบัติในการต้านอักเสบ โดยยับยั้งการสลายฮอร์โมนกูลโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid)
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทในการต้านอักเสบของร่างกาย และยับยั้งการทำงานของภูมิคุ้มกันแบบคอมพลีเมนท์ทางตรง
(classical complement pathway) ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของยาไฮโดรคอร์ติโซน
(hydrocortisone) ที่ใช้ในการรักษาการอักเสบ
กรดกลีซีร์ริซิก (glycyrrhizic acid)
ในชะเอมเทศสามารถยับยั้งกิจกรรมของเอนไซม์ไซโคลออกซีจีเนส (cyclooxygenase) และการผลิตพรอสตาแกลนดิน (prostaglandin)
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบ
ซึ่งผลนี้จะส่งผลทางอ้อมในการยับยั้งการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือดเนื่องจากการอักเสบได้
ด้วยคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่นของกลีซีร์ริซินจึงสามารถเข้าไปจับกับอนุมูลอิสระที่เกิดจากการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม
จึงลดการอักเสบลงได้
ทั้งนี้การได้รับสารสกัดจากรากชะเอมเทศไม่ว่าจะในรูปของกลีซีร์ริซิน
หรือ เมตาบอไลท์ของมันก็จะให้ผลในการต้านอักเสบเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ฟลาโวนอยด์อื่นๆที่พบในรากชะเอมเทศก็มีคุณสมบัติในการต้านอักเสบ
ซึ่งได้แก่ liquiritoside, glabridin, glyderinine และ lichochalocone A เป็นต้น
ปกป้องตับ
ฟลาโวนอยด์ในรากชะเอมเทศที่มีบทบาทเด่นในการปกป้องตับคือ
กลีซีร์ริซิน (glycyrrhizin) โดยมีการศึกษามากมายทั้งในหลอดทดลอง
และสัตว์ทดลองที่พบว่าสามารถป้องกันตับจากสารเคมี และสารก่อมะเร็งต่างๆได้ ทั้งนี้กลีซีร์ริซินได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบชนิดซีเรื้อรัง
(chronic hepatitis C) ในประเทศญี่ปุนมาเป็นเวลากว่า 60
ปีแล้ว
ยา Stronger
Neo-Minophagen C เป็นยามีที่มีกลีซิร์ริซินเป็นส่วนประกอบสำคัญได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคตับอักเสบชนิดซีโดยพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยานี้มีค่าเอนไซม์ที่บ่งชี้ว่าตับถูกทำลายลดลง
เอนไซม์เหล่านั้นได้แก่ แอสปาเตททรานซามิเนส (aspartate transaminase), อะลานีนทรานซามิเนส (alanine transaminase)
และแกมม่ากูลตามิลทรานส์เฟอเรส (gammaglutamyltransferase) โดยพบว่าตัวยานี้สามารถลดการอักเสบที่ตับได้แต่ก็มีพบผลข้างเคียงบ้างในบางราย
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
อะกลัยโคน (aglycone) ของกลีซีร์ริซิน
(glycyrrhizin) ที่ชื่อว่า กรด 18 เบต้ากลีซีร์รีทินิก (18β-glycyrrhetinic
acid)
สามารถปรับพายธิสภาพต่างๆของหนูทดลองที่เป็นเบาหวานให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นจนเกือบจะเข้าสู่ภาวะปรกติได้
ต้านมะเร็ง
กลีซีร์ริซิน และสารประกอบอื่นๆในรากชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของเซลล์ที่ผิดปรกติ
รวมถึงเนื้องอกต่างๆของมะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ และมะเร็งผิวหนัง
ละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอ
กลีซีร์ริซิน (glychyrrhizin) ในรากชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการละลายเสมหะ
และทำให้ชุ่มคอบรรเทาอาการไอได้
ต้านแผลในกระเพาะอาหาร
กลีซีร์ริซิน (glychyrrhizin) ช่วยเพิ่มการสมานแผลในกระเพาะอาหาร
และปกป้องเยื้อบุกระเพาะอาหารจากยาแอสไพริน นอกจากนี้ฟลาโวนอยด์ที่พบในรากชะเอมเทศยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ
Helicobactor pyroli
ซึ่งเป็นเชื่อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
สารสกัดจากชะเอมเทศที่มีการสกัดเอากลีซีร์ริซินออกสามารถเพิ่มการหลั่งของเมือกในกระเพาะอาหาร
และช่วยเร่งการสมานแผลในกระเพาะอาหารได้
ปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
จากการศึกษาในหลอดทดลองพบประสิทธิภาพในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโดยเพิ่มการผลิต
ลิมโฟซัยท์ TCD69 และแมคโครฟาจ
นอกจากนี้ยังพบว่ากลีซีร์ริซิน (glychyrrhizin)
สามารถลดการผลิตโกลบูลินที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิไวเกินหรือภูมิแพ้
ผลข้างเคียงจากการรับประทานรากชะเอมเทศ(2,3,6)
ถึงแม้ว่ารากชะเอมเทศจะมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์มากมายในการป้องกันและรักษาโรค
แต่ก็มีผลข้างเคียงเหมือนกันเนื่องจากสารสกัดในชะเอมเทศมีคุณสมบัติในการป้องกันการสลายของฮอร์โมนกูลโคคอร์ติคอยด์ทำให้อาจมีการสะสมของฮอร์โมนชนิดนี้มากเกินไป
ทำให้ร่างกายเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (hypokalemia) มีการกักเก็บโซเดียมมากขึ้นจนร่างกายมีน้ำเกิน
จึงส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และมีอาการบวมน้ำ
จากการทดลองในอาสาสมัครสุขภาพดี
24 คน แบงเปน 4 กลุมใหไดรับสารสกัดน้ำจากรากชะเอมเทศในปริมาณ glycyrrhizin ขนาด
108, 217, 308
และ 814 มก. ตามลําดับ เปนเวลา 4 สัปดาห พบวาไมพบอาการขางเคียงใดๆ
ในอาสาสมัครกลุมที่ 1 และ 2 แตพบวาอาสาสมัครที่ไดรับ glycyrrhizin ขนาด
814 มก. มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดลดลงอยางตอเนื่องตั้งแตสัปดาหแรกของการทดลอง
และมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
จากรายงานและผลการทดลองขางตนแสดงใหเห็นวาควรระมัดระวังการรับประทานชะเอมเทศในผูปวยที่มีความดันโลหิตสูง
หรือมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ และมีคําเตือนวาไมควรใชชะเอมเทศในขนาดที่มากกวา 50 ก./วัน
เกินกวา 6 สัปดาห
และควรระวังในการใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะ
อย่างไรก็ดีในการนำชะเอมเทศไปใช้ทำเครื่องดื่มทางองค์การอาหารและยาของไทยอนุญาติให้ใช้ไม่เกิน
1.5 กรัมต่อวัน
ที่มา
- Parvaiz, M., Hussain, K., Khalid, S., Hussnain, N., Iram, N., Hussain, Z., & Ali, M. A. (2014). A Review: Medicinal Importance of Glycyrrhiza glabra L.(Fabaceae Family). Global Journal of Pharmacology, 8(1), 08-13.
- สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล. ชะเอมเทศกับความดันโลหิตสูง (ออนไลน์). สืบค้นจาก : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0050.pdf
- Vibha, J. B., Choudhary, K., Singh, M., Rathore, M. S., & Shekhawat, N. S. (2009). A study on pharmacokinetics and therapeutic efficacy of Glycyrrhiza glabra a miracle medicinal herb. Bot Res Intl, 2, 157-63.
- Jatav, V. S., Singh, S., Khatri, P., & Sharma, A. (2011). Recent pharmacological trends of Glycyrrhiza glabra Linn. Unani Res, 1, 1-11.
- Akram, M., Shahab, U., Afzal, A., Khan, U., Abdul, H., Mohiuddin, E., Asif, M., & Ali, S. S. M. (2011). Glycyrrhiza glabra L. (Medicinal use). J Med Plants Res, 5, 5658-5661
- กองควบคุมอาหาร. (2552). บัญชีพืชที่อนุญาติให้ใช้ในเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ออนไลน์). สืบค้นจาก : http://newsser.fda.moph.go.th/ossc/tha/data_center/Data/พืชในเครื่องดื่มฯ.pdf
You may search for our products through the search bar on our website. If you would like to receive a copy of our product catalog, please contact us at info@alfa-chemistry.com. Glycyrrhizic Acid
ตอบลบ